นโยบาย KYC
- บทนำ.
- วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้.
- เพื่อป้องกันการละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไขของเว็บไซต์ ตลอดจนเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อป้องกันการฟอกเงิน การจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย และการละเมิดกฎหมาย AML/CFT อื่น ๆ
- เพื่อป้องกันการใช้งานเว็บไซต์โดยเด็ก
- เพื่อป้องกันการโกง การสมรู้ร่วมคิด และกิจกรรมอื่น ๆ ที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือผิดกฎหมายบนเว็บไซต์
- เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมาย การเงิน และชื่อเสียง
- การประเมินความเสี่ยง.
- ประเทศที่พำนักของผู้ใช้ (เขตอำนาจศาล) ถูกกำหนดให้เป็น "ประเทศที่สามที่มีข้อบกพร่องเชิงกลยุทธ์" โดยคณะกรรมาธิการยุโรปหรือไม่ (ตามระเบียบที่ได้รับมอบหมายของคณะกรรมาธิการ (EU) 2016/1675 และ/หรือข้อบังคับที่แก้ไขเพิ่มเติมในระเบียบนี้) และเขตอำนาจศาลของผู้ใช้ถูกกำหนดให้เป็น "เขตอำนาจศาลที่มีความเสี่ยงสูงและถูกเฝ้าสังเกตอื่น ๆ" โดย FATF หรือไม่
- ประเทศที่พำนักของผู้ใช้ (เขตอำนาจศาล) ถูกกำหนดโดยแหล่งที่น่าเชื่อถือว่าขาดระบอบการต่อต้านการฟอกเงินและการต่อต้านการก่อการร้ายที่เหมาะสม หรือ ถูกระบุโดยแหล่งที่น่าเชื่อถือว่ามีระดับการทุจริตอย่างมีนัยสำคัญ หรือให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายหรือกิจกรรมการก่อการร้ายหรือไม่
- ผู้ใช้เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองหรือไม่
- ผู้ใช้กำลังถูกคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรปหรือองค์การสหประชาชาติหรือไม่
- กิจกรรมของผู้ใช้น่าสงสัยหรือไม่ ตัวอย่างของกิจกรรมที่น่าสงสัยรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: ก) ฝากเงินมากเกินไป ข) การใช้อุปกรณ์หลายเครื่องเพื่อทำการอนุมัติบนเว็บไซต์ในระยะเวลาอันสั้น ค) การใช้อุปกรณ์ของผู้ใช้โดยผู้ใช้รายอื่นของเว็บไซต์ ง) การใช้หมายเหลข IP เดียวกันโดยผู้ใช้หลายคน จ) การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หนึ่งเครื่องโดยผู้ใช้หลายคน
- การยืนยันตัวตน
- A. ยอดรวมของธุรกรรมที่ทำรายการผ่านเว็บไซต์โดยผู้ใช้ถึงหรือเกิน US$50;
- B. ในกระบวนการประเมินความเสี่ยงนั้น พบว่าผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงินหรือการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย
- C. พฤติกรรมของผู้ใช้มีปัจจัยอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ซึ่งทำให้มีเหตุให้ต้องสงสัยผู้ใช้ว่ามีการใช้งานเว็บไซต์โดยละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไข
- D. ในกรณีอื่น ๆ เมื่อบุคลากรของบริษัทพิจารณาว่าการตรวจสอบยืนยันเป็นมาตรการที่จำเป็น
- สำเนาหรือรูปถ่ายของเอกสารยืนยันตัวตนของผู้ใช้
- รูปถ่ายของบัตรชำระเงินที่ได้ใช้หรือตั้งใจที่จะใช้ในการฝากเงินบนเว็บไซต์ สิ่งสำคัญคือชื่อผู้ถือบัตรจะต้องเหมือนกับชื่อของผู้ใช้ที่ผ่านการตรวจสอบยืนยัน โดยผู้ใช้สามารถซ่อนหรือปิดบังรหัส CVV และหมายเลขบัตรชำระเงิน (ยกเว้น 6 หลักแรกและ 4 หลักสุดท้าย) ได้ ชื่อของผู้ถือบัตรจะต้องไม่ถูกซ่อนหรือปกปิดในลักษณะใด ๆ ก็ตาม
- รูปถ่ายของผู้ใช้ที่กำลังถือเอกสารที่ต้องใช้เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบยืนยัน
- ในบางกรณี - ต้องมีเอกสารยืนยันที่อยู่ของผู้ใช้ ซึ่งอาจเป็นใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค ใบเสร็จโทรศัพท์ หรือเอกสารอื่น ๆ ซึ่งจะถือว่าเพียงพอในการยืนยันที่อยู่ของผู้ใช้เนื่องจากกฎหมายท้องถิ่น
- ในบางกรณีอาจจะใช้ใบแจ้งยอดธนาคาร จดหมายจากสถานที่ปฏิบัติงาน/จากที่ทำงาน
- เอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจจำเป็นในสถานการณ์เฉพาะ
- การยืนยันตัวตนเพิ่มเติมสำหรับ PEPS และผู้ใช้จากเขตอำนาจศาลที่มีความเสี่ยงสูง
- (a) ประมุขแห่งรัฐ หัวหน้ารัฐบาล รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย
- (b) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือหน่วยงานด้านนิติบัญญัติที่คล้ายคลึงกัน
- (c) สมาชิกขององค์กรปกครองของพรรคการเมือง
- (d) สมาชิกของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานตุลาการระดับสูงอื่นๆ คำตัดสินดังกล่าวไม่สามารถอุทธรณ์เพิ่มเติมได้ ยกเว้นในกรณีพิเศษ
- (e) สมาชิกของศาลผู้ตรวจสอบบัญชีหรือคณะกรรมการธนาคารกลาง
- (f) เอกอัครราชทูต อุปทูต และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพ
- (g) สมาชิกของฝ่ายบริหาร ผู้บริหาร หรือหน่วยงานกำกับดูแลขององค์กรรัฐวิสาหกิจ
- (h) กรรมการ รองผู้อำนวยการ และสมาชิกในคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่เทียบเท่าขององค์การระหว่างประเทศ
- (a) คู่สมรสหรือบุคคลที่ถือว่าเทียบเท่ากับคู่สมรสของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
- (b) บุตรและคู่สมรสของบุตร หรือบุคคลที่ถือว่าเทียบเท่ากับคู่สมรสของบุตรของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
- การตรวจสอบกิจกรรม
- • การใช้บัตรหลายใบผ่านตัวแทนชำระเงินต่าง ๆ ที่บริษัทนำเสนอ
- • การได้รับรหัสข้อผิดพลาดที่เฉพาะเจาะจงเมื่อทำรายการชำระเงิน
- • การใช้บัตรชำระเงินที่ออกให้โดยบริษัทที่แตกต่างกันและอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกัน
- • การใช้ช่องทางการชำระเงินที่แตกต่างกันในระยะเวลาอันสั้น (บัตร กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมผ่านธนาคาร)
- • ผู้ใช้คัดค้านหรือไม่เต็มใจให้ตรวจสอบยืนยันบัญชี หรือช่องทางการชำระเงิน หรือบัญชีทั้งบัญชี
- • ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของข้อมูลหลักของผู้ใช้ไม่ตรงกัน (สัญชาติ/ถิ่นที่อยู่, ผู้ให้บริการมือถือ, ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของหมายเลข IP Adress, หมายเลข BIN ของบัตร ฯลฯ)
- • การคัดค้านอย่างเป็นสำคัญในการติดต่อทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลใด ๆ และผู้ใช้ไม่จัดเตรียมรูปถ่ายของตัวเองพร้อมเอกสารระบุตัวตนไว้กับตัว (ตามคำขอ)
- • การจับคู่ ID อุปกรณ์ของผู้ใช้ (โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต) กับ ID อุปกรณ์ของบัญชีอื่นในระบบของเรา
- การตรวจสอบธุรกรรม
- หากทำธุรกรรมโดยการใช้บัตรชำระเงิน ชื่อของผู้ถือบัตรจะต้องเป็นชื่อเดียวกับชื่อเจ้าของบัญชีบนเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าห้ามใช้บัตรชำระเงินของบุคคลที่สาม
- หากทำธุรกรรมโดยใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ อีเมลของกระเป๋าเงินดังกล่าวจะต้องเหมือนกับอีเมลที่ผู้ใช้ใช้ลงทะเบียนบัญชีบนเว็บไซต์
- ในกรณีที่มีการทำรายการฝากเงินจากช่องทางการชำระเงินที่ไม่สามารถส่งเงินไปยังช่องทางนั้นได้ ให้ทำรายการถอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของผู้ใช้ หรือช่องทางการชำระเงินอื่นซึ่งจะสามารถยืนยันได้อย่างน่าเชื่อถือว่าเป็นช่องทางการชำระเงินของผู้ใช้รายดังกล่าวจริง ๆ
- บริษัทจะไม่ถอนเงินที่ฝากโดยผู้ใช้รายหนึ่งไปยังช่องทางการชำระเงินของผู้ใช้อีกรายหนึ่ง
- การเก็บรักษาเอกสารและข้อมูลของผู้ใช้
- กฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการป้องกันการใช้ระบบการเงินเพื่อจุดประสงค์ในการฟอกเงินหรือการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย ซึ่งก็คือคำสั่ง (EU) 2015/849 ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งยุโรป ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2015 ว่าด้วยการป้องกันการใช้ระบบการเงินเพื่อจุดประสงค์ในการฟอกเงินหรือการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นคำสั่งที่แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง (EU) 648/2012 ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งยุโรป รวมถึงยกเลิกคำสั่ง 2005/60/EC ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งยุโรป ตลอดจนคำสั่ง 2006/70/EC ของคณะกรรมาธิการยุโรป
- ระเบียบ (EU) 2016/679 ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งยุโรป ลงวันที่ 27 เมษายน 2016 ว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลธรรมดาเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และว่าด้วยการเคลื่อนย้ายข้อมูลดังกล่าวอย่างอิสระ และยกเลิกคำสั่ง 95/46/EC ("General Data Protection" หรือ "GDPR")
- กฎหมายจำกัดการดำเนินการตามกฎหมาย (Law 66(I)/2012) แห่งสาธารณรัฐไซปรัส
- นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์
- การแก้ไขและการดัดแปลง
นโยบายการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "นโยบาย") เป็นนโยบายควบคุมแนวทางการทำความรู้จักลูกค้าโดยบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "บริษัท" "เรา" "พวกเรา" "ของเรา")
นโยบายนี้มีจุดประสงค์ต่อไปนี้:
a) ต่อไปนี้จะเรียกเว็บไซต์ Verdecasino.com ว่า "เว็บไซต์";
b) ต่อไปนี้จะเรียกบุคคลธรรมดาใด ๆ ที่มีบัญชีบนเว็บไซต์ว่า "ผู้ใช้"
บริษัทใช้มาตรการที่ระบุไว้ในนโยบายนี้เพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้:
บริษัทใช้แนวทางบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เสนอโดย Financial Actions Task Force ("FATF") เพื่อประเมินผู้ใช้แต่ละรายในกรอบของนโยบายนี้
ประเภทของความเสี่ยงมีดังต่อไปนี้:
ความเสี่ยงของประเทศ/ภูมิศาสตร์บริษัทประเมินประเทศที่อยู่อาศัย/ภูมิลำเนาของผู้ใช้ตามเกณฑ์ต่อไปนี้ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง): :
ความเสี่ยงของลูกค้า บริษัทตรวจสอบผู้ใช้เว็บไซต์ตามเกณฑ์ต่อไปนี้ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง):
ความเสี่ยงของธุรกรรม บริษัทตรวจสอบการใช้จ่ายของผู้ใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามียอดไม่สูงและ/หรือมีสัดส่วนที่ผิดปกติ บริษัทยังใช้มาตรการเพิ่มเติมหากธุรกรรมของผู้ใช้มีความน่าสงสัย (ดู “การตรวจสอบธุรกรรม”)
บริษัทใช้การตรวจสอบยืนยันตามมาตรฐาน (หรือเรียกว่าการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะในภาษาทางกฎหมาย) ในสถานการณ์ต่อไปนี้:
เมื่อใช้การตรวจสอบยืนยันตามมาตรฐาน บริษัทจะขอให้ผู้ใช้ส่งเอกสารดังต่อไปนี้:
บริษัทใช้มาตรการตรวจสอบยืนยันเพิ่มเติมในสถานการณ์ต่อไปนี้:
A) ผู้ใช้เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองตามความหมายของมาตรา 3(9) ของคำสั่ง 2015/849 ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งยุโรป ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2015 ว่าด้วยการป้องกันการใช้ระบบการเงินเพื่อจุดประสงค์ในการฟอกเงินหรือการจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย หรือผู้ใช้เป็นสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ภายใต้มาตรา 3(9) ของคำสั่งดังกล่าว บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองคือบุคคลธรรมดาซึ่งเป็น หรือได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ทางสาธารณะอันเป็นที่รู้จักและรวมถึงตำแหน่งต่อไปนี้:
รายการข้างต้นไม่รวมเจ้าหน้าที่ระดับกลางหรือต่ำกว่า
มาตรา 3(10) ของคำสั่ง 2015/849 กำหนดว่า "สมาชิกในครอบครัว" คือ:
B) ประเทศที่พำนักของผู้ใช้ (เขตอำนาจศาล) ถูกกำหนดให้เป็น "ประเทศที่สามที่มีข้อบกพร่องเชิงกลยุทธ์" โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (ตามระเบียบที่ได้รับมอบหมายของคณะกรรมาธิการ (EU) 2016/1675 หรือกฎระเบียบที่แก้ไขเพิ่มเติม) และ/หรือประเทศของเขตอำนาจศาลของผู้ใช้ถูกกำหนดให้เป็น "เขตอำนาจศาลที่มีความเสี่ยงสูงและถูกเฝ้าสังเกตอื่น ๆ" โดย FATF
C) ในกรณีอื่น ๆ เมื่อบริษัทถือว่าขั้นตอนนี้เป็นมาตรการที่จำเป็น
D) ประเทศที่พำนักของผู้ใช้ (เขตอำนาจศาล) ถูกกำหนดโดยแหล่งที่น่าเชื่อถือว่าขาดระบอบการต่อต้านการฟอกเงินและการต่อต้านการก่อการร้ายที่เหมาะสม หรือถูกระบุโดยแหล่งที่น่าเชื่อถือว่ามีระดับการทุจริตอย่างมีนัยสำคัญ หรือให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายหรือกิจกรรมการก่อการร้าย
เมื่อมีการตรวจสอบยืนยันเพิ่มเติม บริษัทจำเป็นต้องขอให้ส่งเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ของผู้ใช้ตามข้อกำหนดทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของประเทศของผู้ใช้รายนั้น นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการตรวจสอบยืนยันเพิ่มเติม การอนุมัติขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการตรวจสอบยืนยันจะต้องดำเนินการโดยผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัท
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรวบรวมข้อมูลการตรวจสอบยืนยันเพิ่มเติมของผู้ใช้เพื่อจุดประสงค์ของนโยบายนี้ นอกจากนี้ ในกรณีที่: a) ผู้ใช้ปฏิเสธที่จะผ่านการตรวจสอบยืนยัน และ/หรือ b) บริษัทมีมูลเหตุเพียงพอให้สันนิษฐานได้ว่าผู้ใช้ใช้เว็บไซต์เพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย และผู้ใช้ไม่ได้ให้หลักฐานแย้ง บริษัทอาจแจ้งหน่วยงานกำกับดูแล/รัฐบาล/สถาบันทางการเงินที่เหมาะสมในกรณีนี้
การดำเนินการทั้งหมดของผู้ใช้จะได้รับการตรวจสอบว่าไม่มีกิจกรรมที่น่าสงสัย กิจกรรมที่น่าสงสัยรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:
ในกรณีที่มีกิจกรรมที่น่าสงสัยใด ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น ปัญหานี้จะถูกส่งต่อไปยังแผนกต่อต้านการทุจริตเพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้ใช้รายนี้และเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป ฝ่ายต่อต้านการทุจริตจะประเมินปัญหานี้และส่งต่อไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาต่อไป
ธุรกรรมทั้งหมดของผู้ใช้ในการถอนและฝากเงินจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้:
เอกสารและข้อมูลที่ได้รับระหว่างการตรวจสอบยืนยัน และข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ (รวมถึงข้อมูลธุรกรรมและหลักฐานสนับสนุน) จะถูกจัดเก็บ เก็บรักษา แบ่งปัน และปกป้องโดยปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามข้อต่อไปนี้:
นโยบายนี้อาจได้รับการดัดแปลงหรือแก้ไขเมื่อใดก็ได้ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียวในการตรวจทานนโยบายที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแก้ไขใหม่เป็นระยะ ๆ ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายนี้ผ่านที่อยู่อีเมลที่ใช้เมื่อลงทะเบียนบัญชีบนเว็บไซต์ เมื่อใช้งานเว็บไซต์ต่อหลังจากที่มีส่งการแจ้งเตือน จะถือว่าผู้ใช้ได้อ่านและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายแล้ว